รถไฟฟ้าเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน เนื่องจากเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน แต่เมื่อพูดถึงราคา รถไฟฟ้าที่นำเข้าจากจีนมักจะมีราคาถูกกว่ารถไฟฟ้าจากประเทศอื่นๆ หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้รถไฟฟ้าจากจีนมีราคาถูกกว่า นั่นคือ การได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า 0% ตามข้อตกลงการค้าเสรีที่ประเทศไทยทำไว้กับจีนนั่นเอง
การยกเว้นภาษีนำเข้า 0% จากจีน
ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยและจีน รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนสามารถนำเข้าโดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใดๆ นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รถไฟฟ้าจากจีนมีราคาที่แข่งขันได้กับผู้ผลิตจากประเทศอื่น ข้อตกลงนี้เป็นประโยชน์สำหรับทั้งผู้ผลิตจีนและผู้บริโภคไทย เพราะช่วยลดต้นทุนและทำให้ราคาขายลดลง ในขณะที่ผู้ผลิตจีนยังคงสามารถรักษาคุณภาพและนวัตกรรมของสินค้าได้
ภาษีนำเข้ารถไฟฟ้าจากชาติอื่นๆ
ในขณะที่รถไฟฟ้าจากจีนได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า รถไฟฟ้าจากประเทศอื่นๆ ยังต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ตามภูมิภาคและข้อตกลงการค้า ดังนี้:
- รถไฟฟ้าจากยุโรป: ประเทศในยุโรปมักถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าประมาณ 40% เนื่องจากไม่มีข้อตกลงการค้าเสรีในด้านนี้กับไทย ต้นทุนการนำเข้าจึงสูงกว่าจากจีน ทำให้รถไฟฟ้าจากยุโรปมักมีราคาขายสูงกว่า
- รถไฟฟ้าจากญี่ปุ่น: ประเทศญี่ปุ่นมีข้อตกลงการค้าเสรี (JTEPA) กับไทย ทำให้รถไฟฟ้าที่นำเข้าจากญี่ปุ่นเสียภาษีนำเข้าประมาณ 20% ซึ่งยังคงสูงกว่าจีนแต่ต่ำกว่ายุโรป
- รถไฟฟ้าจากสหรัฐอเมริกา: การนำเข้ารถไฟฟ้าจากสหรัฐฯ มักถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราประมาณ 40% เช่นเดียวกับยุโรป เนื่องจากไม่มีข้อตกลงการค้าเสรีในด้านนี้
- รถไฟฟ้าจากเกาหลีใต้: สำหรับเกาหลีใต้ ภาษีนำเข้าจะอยู่ที่ประมาณ 20% โดยคล้ายกับญี่ปุ่นเพราะมีข้อตกลงการค้าเสรีบางส่วนกับไทย
ข้อสรุป
การยกเว้นภาษีนำเข้ารถไฟฟ้าจากจีนที่ 0% เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถไฟฟ้าจากจีนมีราคาถูกกว่ารถไฟฟ้าจากประเทศอื่นๆ ในตลาดไทย ซึ่งการยกเว้นภาษีนี้ส่งผลให้ผู้บริโภคไทยสามารถเข้าถึงรถไฟฟ้าได้ในราคาที่ต่ำกว่า ในขณะที่รถไฟฟ้าจากยุโรป ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ยังคงมีภาระภาษีนำเข้าที่สูงกว่า
Leave a Reply